Wednesday 18 March 2015

เทคนิคการจัดกระเป๋า



ในการเดินทางแต่ละครั้งสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับนักเดินทางเสมอมาคือเรื่องการจัดกระเป๋านั่นเอง
กระเป๋าเดินทางจะว่าจัดง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะเป็นศาสตร์แห่งการชั่งใจ ( ว่าเข้าไปนั่น ) 
และมีคำถามขึ้นมาในหัวนักเดินทางอย่างมากมายอย่างเช่น

เอาชิ้นนี้ไปดีไหม ?   แต่ถ้าไม่ได้ใช้ล่ะ ?   แต่ถ้าระหว่างทางต้องใช้จะทำยังไง ?

วันนี้เราเลยมีวิธีการจัดกระเป๋าในแบบของ Travelkanuman มานำเสนอ แบบ  Step by step  
นำไปลองจัดตามได้เลย  โดยกลั่นมาจากประสบการณ์การจัดกระเป๋ามากว่า 200 รอบของเรา 
 ไปดูกันว่าเราได้เคล็ดลับอะไรมาจากการลองผิดลองถูกมาอย่างยาวนานกันบ้าง

 9 ขั้นตอนการจัดกระเป๋าเดินทาง

1. คำนวนจำนวนเสื้อผ้า 
สิ่งแรกที่เราต้องรู้คือต้องนำเสื้อผ้าที่เราต้องนำไปในทริปมีมากขนาดไหน  
ส่วนใหญ่เรามักจะพยายามเอาไปให้น้อยชิ้นที่สุดแต่ยังคงสบายใจที่จะใส่โดยไม่รู้สึกรำคาญหรือสกปรก  
ฉะนั้นวิธีคำนวนเหล่านี้เป็นมาตรฐานของเราที่ใช้เป็นประจำ
  • จำนวนเสื้อ = จำนวนวันที่จะไป หาร สอง
  • จำนวนชุดชั้นใน = จำนวนวันที่จะไป
  • จำนวนกางเกง = จำนวนวันที่จะไป หาร 7
  • ถุงเท้า = จำนวนวันที่จะไป
เสื้อนั้นส่วนใหญ่เราพอจะใส่ซ้ำได้ ถ้าอากาศไม่ร้อนจนเกินไปจนเหงื่อแตกเป็นสายน้ำ
 ส่วนกางเกงยิ่งแล้วใหญ่ สำหรับเราใส่ซ้ำได้หลายวันเลย 
( แต่บางคนอาจจะไม่สบายใจก็ลองคำนวนว่าเราใส่ซ้ำได้กี่วัน เอาที่สบายใจ )   
แต่ชุดชั้นในนี่เพื่อความสะอาดควรเปลี่ยนทุกวัน รวมไปถึงถุงเท้าด้วย

2. ดูสภาพอากาศของที่หมายและเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม
สิ่งต่อไปที่ต้องรู้ก็คือ เรากำลังจะไปผจญภัยในสภาพอากาศแบบไหน  ร้อนแบบเหงื่อไหลเป็นถัง 
หรือหนาวสุดขั้วจนต้องใส่เสื้อสามชั้น  
ซึ่งเดี๋ยวนี้สามารถเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าได้อย่างง่ายดายตามเวปต่าง ๆ ที่มีอย่างมากมาย
 หลังจากที่รู้สภาพอากาศแล้วก็ดูว่าในตู้มีเสื้อที่พอเหมาะอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็เตรียมกำเงินไปช็อปเพิ่มได้เลย
โดยคำแนะนำของเราเกี่ยวกับเสื้อผ้าก็มีดังนี้
อย่าใช้กางเกงยีนส์จะดีกว่า เนื่องจากหนัก และอมน้ำมาก ๆ ถ้าฝนตกขึ้นมาทีนึง 
ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ ๆ ที่จะทำให้กางเกงยีนส์แห้ง

น้ำหนักเบาย่อมดีกว่า แม้อาจจะแพงกว่าบ้าง  สมัยนี้มีเสื้อผ้าที่น้ำหนักเบาออกมาอย่างมากมาย 

เสื้อกันหนาวที่สามารถทนอุณหภูมิติดลบได้ เดี๋ยวนี้มีน้ำหนักไม่กี่กร้ม 
บางทีใส่ไปก็นึกว่าสวมขนนก คือมันเบามากจนไม่รู้สึกเลย และมีอีกหลาย ๆ 
รุ่นที่สามารถพับเก็บเป็นม้วนเล็ก ๆ ประหยัดพื้นที่ได้ด้วย

ถุงเท้า ถ้าเป็นไปได้ ลองเลือกเอาคู่เก่า ๆ ที่กำลังจะทิ้งติดทริปไปเยอะ ๆ 
เพราะถุงเท้ามักจะเป็นเครื่องแต่งกายที่มีกลิ่นแรงที่สุด เราจึงใช้วิธี ใช้แล้วทิ้งเลย 
ฉะนั้น เลือกเอาคู่เก่า ๆ ที่จะทิ้งอยู่แล้วไปดีกว่า 
หรือไม่ก็ลองมองหาถุงเท้าราคาถูก ๆ แบบ 6 คู่ร้อยมาใช้ดู เอาแบบที่ทิ้งแล้วไม่น่าเสียดายยิ่งดี

ถ้าไปทริประยะยาวกว่าครึ่งเดือน แนะนำให้มีการซักเสื้อผ้าระหว่างทริป 
เพราะถ้าเราใช้สูตรคำนวนจำนวนเสื้อตามที่แนะนำ ในการจัดกระเป๋าสำหรับ 60 วัน 
เราคงต้องขนตู้เสื้อผ้าไปเที่ยวด้วยอย่างแน่นอน ฉะนั้นถ้าทริปยาวนาน ให้ลองหาที่พักที่สามารถซักผ้า 
อบผ้าได้ และอยู่ซัก 2-3 วัน ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วย
พยายามอย่าเลือกเสื้อที่ยับง่าย เพราะระหว่างทริปเราคงไม่อยากมานั่งรีดผ้าทุกวันเป็นแน่แท้

3. ม้วนประหยัดที่กว่า
การม้วนเสื้อผ้าทำให้ประหยัดพื้นที่กว่าการพับวิธีอื่น ทำให้เสื้อยับน้อยลง  
เรามีคำแนะนำสำหรับการม้วนเสื้อดังนี้
ลองม้วนเสื้อที่ต้องใส่พร้อม ๆ กันเป็นม้วนเดียวกัน จะสะดวกสำหรับการหยิบใช้มากกว่า 
โดยให้เลือกเอาไว้เลยว่าจะใส่อะไรคู่กับอะไร แล้วม้วนเป็นชุด ๆ ไป

 จัดเอาชุดที่จะใส่ท้ายที่สุดไว้ข้างล่าง และเรียงขึ้นมาเรื่อย ๆ จนชั้นบนสุดเป็นเสื้อที่จะใส่เป็นชุดแรก

เป้บางชนิดเปิดได้ทั้งจากด้านบนและล่าง ในกรณีนี้ให้เอาเสื้อที่ต้องการใส่ก่อนไว้ด้านล่าง 
และดึงใช้จากซิปล่าง เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เอาไปวางไว้ที่ชั้นบนสุด ถ้าเราจัดเป็นระเบียบ
 การใช้เสื้อระหว่างทริปจะง่ายมาก

4.เผื่อพื้นที่สำหรับเสื้อที่ใส่แล้ว
โดยปกติเราจะแยกพื้นที่ส่วนของเสื้อใช้แล้วไว้อีกด้านหนึ่งของกระเป๋าเดินทาง 
หรือหากใช้เป้ก็จะมีถุงแยกเอาไว้อย่างชัดเจน การแยกนอกจากจะทำให้เสื้อที่ยังไม่ได้ใช้สะอาดแล้ว 
ยังง่ายต่อการจัดเก็บและหาของด้วย เพราะของที่ต้องใช้จะมีน้อยลงเรื่อย ๆ จนถึงวันสุดท้ายของทริป  
โดยคำแนะนำของเราเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมีดังนี้
  • ลองใส่แผ่นน้ำหอมลงไปในส่วนเสื้อผ้าใช้แล้วด้วย ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้พอควรเลย
  • ถ้าเป็นไปได้เก็บเสื้อผ้าใส่แล้วไว้ในกระเป๋าคนละด้านกับที่ยังไม่ได้ใส่
  • ถุงเท้าหากใช้แบบทิ้งได้เลยก็จะประหยัดพื้นที่ได้มาก
  • แป้งช่วยลดกลิ่นในรองเท้าได้ดี หรือบางทีใช้น้ำยาสำหรับฉีดโดยเฉพาะก็ได้

5. พกอุปกรณ์เสริมไปเท่าที่จำเป็น 
หลาย ๆ คน ไปเที่ยวแต่เสมือนว่าย้ายบ้านตามไปด้วย 
โดยมีอุปกรณ์มากมายเพื่อความสะดวกและความบันเทิง เราแนะนำว่า 
ให้พกไปแต่พอเหมาะ สมัยนี้มือถือเครื่องเดียวก็ทำได้หลายอย่างแล้ว
 และการเดินทางตรงหน้าเรานั่นแหละคือความบันเทิงขั้นสูงสุดที่เราควรจะใช้เวลาให้มากที่สุด

6. ถ้าจะพกอาหาร เลือกเฉพาะของแห้ง
บางทีเราอาจจะนำอาหารรสไทย ๆ หรือเครื่องปรุงรสจัดจ้านติดไปด้วย เพื่อการทานที่ง่ายขึ้น 
เราขอแนะนำให้พกเฉพาะของแห้งจะดีกว่า โดยคำแนะนำของเราก็คือ
พวกเครื่องกระป๋องต่าง ๆ กินน้ำหนักเหมือนกัน ถ้าจำเป็นต้องพกจริง ๆ ให้ซื้อแบบซองดีกว่า 
เบากว่ากันเยอะเลย

ควรพกกล่องใส่อาหารที่มีฝาปิดแน่นหนาเผื่อไปด้วย โดยยัดเอาเครื่องปรุงต่าง ๆ 
เข้าไปในกล่องนี่แหละ  และบางทีเวลาที่จำเป็น กล่องนี้ยังใช้เป็นจาน หรือกล่องอาหารระหว่างวันได้อีกด้วย

ช้อน ส้อม พกแบบใช้แล้วทิ้งไปบ้าง เผื่อเวลาที่ต้องใช้

เครื่องปรุงพวก ซอสมะเขือเทศ พริกป่น ถ้าเลือกได้ พกแบบซองเล็กใช้ทีเดียวทิ้งไปดีกว่า 
แก้ปัญหาการหกเลอะเทอะได้ดี

7. แบ่งส่วน
เครื่องสำอางค์ แชมพู สบู่เหลว ยาทา ของเหลวต่าง ๆ เหล่านี้ หลาย ๆ คนต้องใช้ยี่ห้อที่จำเพาะเจาะจง 
จะไปซื้อขวดเล็กมาใหม่ก็แพง หรือบางทีก็ไม่มี จะพกเอาขวดใหญ่ไปก็แสนหนักและกินพื้นที่ 
เราจึงมีทริคนิด ๆ หน่อย ๆ มาเสนอ
  • ใช้ตลับคอนแทคเลนส์แบ่งใส่ครีมหรือยาทาต่าง ๆลงไป เก็บก็ง่ายเบาอีกต่างหาก
  • พวกแชมพูก็เหมือนกัน ลองหาขวดเล็ก ๆ ตามร้านขายยาดู มีขายแน่นอน
  • ของบางอย่าง ไปซื้อเอาข้างหน้าก็พอไหว เช่นยาสีฟัน ไม่ต้องกังวลมาก เพราะคนทั่วโลก
  • ใช้ยาสีฟันเหมือนกันหมด

8.อย่าลืมของบางอย่างที่สำคัญมากกว่าที่คุณคิด
มีหลาย ๆ อย่างที่เราชอบลืมเวลาจัดกระเป๋า แต่พอถึงเวลาที่จะต้องใช้กลับหาไม่ได้เลย 
จนบางทีมักจะคิดย้อนกลับไปว่า ตอนนั้นทำไมไม่หยิบใส่เข้ามาด้วยนะ ของพวกนี้ก็ได้แก่ 
ปากกา ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน อแดปเตอร์แปลงหัวปลั๊ก เป็นต้น ส่วนวิธีแก้ลืม ก็คือทำตามข้อที่ 9

9. ทำเช็คลิสท์ทุกครั้ง จะได้ไม่ลืมของสำคัญ 
ส่วนใหญ่ของสำคัญที่จะต้องนำไปในแต่ละทริปจะเหมือน ๆ กัน จัดกี่ทีก็เหมือนเดิม 
แต่ก็ยังมีหลุดลืมนู่นนี่นั่นจนได้ ฉะนั้นวิธีง่าย ๆ คือปรินท์ Check list แปะไว้ที่กระเป๋าเดินทางเลย 
อันไหนใส่แล้วก็ขีดทิ้งได้เลย
เพื่อความง่ายดาย เราเลยทำ Check list พื้นฐานที่เราใช้เป็นประจำ มาให้โหลดไปใช้กัน 
โหลดไปปรินท์กันได้เลย ใครที่มีของต้องใช้นอกเหนือจากนี้ก็เขียนเพิ่มเข้าไปตามอัธยาศัย
checklist copy

ข้อแถม. อย่าลืมที่สำหรับของฝาก
ข้อแถมสำหรับนักช็อป เหลือที่ไว้ใส่ของฝากด้วยนะจ๊ะ ไม่อย่างนั้นได้ซื้อกระเป๋าลูกอีกใบแน่นอน

เห็นไหม การจัดกระเป๋าไม่ยากเลย ถ้าทำตามขั้นตอนต่าง ๆ 
และแน่นอนว่าเราไม่มีวันจะลืมของที่จะใช้ระหว่างทริปอีกด้วย

หวังว่าการจัดกระเป๋าครั้งต่อไปของทุกคนจะง่ายดายขึ้น

Tuesday 17 February 2015

สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน

เทศกาลปีใหม่สัญชาติมังกร เป็นวรรคตอนของชีวิตที่มีความสุข แค่เพียงได้เห็นความคึกคักของพี่น้องชาวจีนที่ออกมาจับจ่าย ได้กลิ่นธูปยินเสียงปะทัด และที่สำคัญคือ ได้พบเจอพี่ป้าน้าอาเวลากินข้าวรวมกันก็สนุกแล้ว
      
       
กุมารจีนอย่างผมจะมีโอกาสนานทีปีหนก็ด้วยผู้ใหญ่ชวน โดยส่วนมากแล้วเราจะสนุกกันตอนได้เจอเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมากกว่า เพราะว่า “เหล่าเผิงโหย่ว(เพื่อนเก่า)” ทั้งหลายต่างก็แยกย้ายไปทำงาน
      
       
นานทีหรือตรุษจีนทีจึงได้เจอกัน
      
       
ในปีนี้ผมโชคดีได้พบท่านผู้อ่านที่เมตตาใจดี จึงขอนำเกร็ดง่ายๆ และเคล็ดในการเลือกรับประทานอาหารช่วงตรุษจีนให้มีสุขภาพดีพร้อมรับโชคที่จะไกลโรคภัยไข้เจ็บ
      
       
ด้วยของดีจากธรรมชาติดังต่อไปนี้
      
       
*ยอดสมุนไพรแดนมังกร
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        1) โป๊ยกั๊ก
      
       
สมุนไพรที่ฟอร์มสวยเเหมือนดวงดาราที่มีแปดแฉกเป็นที่มาของชื่อ “จันทน์ 8 กลีบ” ที่มักถูกใส่อยู่ในเครื่องพะโล้มาตรฐานร่วมกับเพื่อนอีก 4 อย่าง ซึ่งเมื่อดูความงามจนเพลินแล้ว
      
       
อย่าลืมประโยชน์ที่เลิศไม่แพ้กันคือ โป๊ยกั๊กมีสรรพคุณช่วยเรื่องหวัดได้ดี เพราะมีฤทธิ์ทางเภสัชคือ ขับเสมหะ แก้ไอได้ เหมาะกับฤดูที่หวัดชุกชุมในหลายแห่งครับ
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        2) อบเชย
      
       
เป็นสมุนไพรที่ให้กลิ่นรสที่เป็นเอกลักษณ์ ใครที่ชอบกินพะโล้, กาแฟใส่แท่งอบเชย หรือซินนาม่อนบันก็ขอให้รู้ว่าท่านได้รับของดีที่เป็นสมุนไพรใกล้ตัวแล้ว
      
       
โดยอบเชยมีส่วนช่วย “คุมน้ำตาล” เหมาะกับเบาหวาน ดังนั้นใครที่บอกว่าตรุษจีนไม่ถูกโรคกับเบาหวานก็อาจลองดูอาหารที่มีส่วนผสมของอบเชย อย่าง พะโล้สักนิดครับ
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        3) ผักชี
      
       
ไม่ได้มีไว้โรยหน้าสวยๆ แต่มีสารอาหารกลุ่มกำมะถันที่ช่วยต้านเชื้อโรคในลำไส้ โดยกลิ่นหอมของผักชีมาจากน้ำมันหอมที่ดีอย่าง ไมริสติซิน, ลิโมนีน, ยูจีนอล ซึ่งมีส่วนในการยับยั้งสารก่อมะเร็งที่มาจากการเผาไหม้ปิ้งย่าง
      
       
ในท่านที่อยากได้สุขภาพช่วงตรุษจีนขอให้ “โรยผักชี” กันมากๆครับ
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        4) เก๋ากี้
      
       
มีชื่อเก๋ๆว่า “โกจิเบอรี่” ที่พี่น้องชาวจีนเรานำมาใส่ในจานอร่อยหลายอย่างทั้งแกงจืด, ตุ๋นต่างๆ และในของหวานด้วย
      
       
โดยผู้รู้ท่านบอกว่าเก๋ากี้ลูกเล็กๆ นี้เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัยเปรียบได้กับ “ลูกไม้แห่งความอ่อนเยาว์” ซึ่งเซเลบระดับโลกกล่าวถึง รวมทั้งมาดอนน่า และมิรันดา เคอร์ด้วย
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        5) พริกไทย
      
       
ขอแนะ “พริกไทยดำ” ถ้าเลือกได้ เพราะพริกไทยดำคือพริกไทยที่ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด ไม่ผ่านการขัดจนขาวจั๊ว
      
       
ซึ่งในเทศกาลตรุษจีนนี้มีโอกาส “เติมพริกไทย” ได้มากทั้งจากพะโล้และของไหว้ที่นำมาปรุงใหม่เพื่อถนอมไว้กิน เช่น ไก่ หรือหมูรวนใส่พริกไทยกระเทียมเป็นต้น
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        6) งา
      
       
ทั้งงาขาวและดำถือเป็นของสร้างความเฮงให้สุขภาพรับปีใหม่จีนได้ ในเครื่องไหว้ไม่ว่าจะซาแซหรือโหงวแซย่อมต้องมี “ของหวาน” อยู่ด้วย ซึ่งงาเป็นส่วนประกอบของขนมจันอับประเภทนี้อย่าง เม่งทึ้ง, คอเป็ด หรืองาตัด ด้วยงามีแร่ธาตุที่ผู้ใหญ่มีปัญหาไขข้อพึงได้รับ
      
       
เท่าที่นึกได้ก็มีชาติแถบตะวันออกกกลางที่ชื่นชอบอาหารใส่งาอย่าง “ฮัมมุส” ที่เป็นเครื่องจิ้มยอดนิยม
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        7) เม็ดบัว
      
       
ของกินเล่นที่เด็กสมัยก่อนรู้จักดี การกินเม็ดบัวให้ดีนอกจากอร่อยแล้ว ยังจะนำประโยชน์ที่ช่วยถนอมหลอดเลือด และ “ดวงใจ” มาให้ด้วย โดยในของไหว้จะมีเม็ดบัวมาในรูปของอาหารคาวอย่าง ซุปไก่ตุ๋นใส่เม็ดบัว
      
       
ซึ่งเม็ดบัวมีประโยชน์สูงในแง่วิตามินบีและคาร์โบไฮเดรต ถือเป็นขุมพลังที่สำคัญของสุขภาพ สมกับความหมายของเม็ดบัว ที่ให้มั่งคั่งด้วยบุตรหลานชาย ผู้เป็นพลังสำคัญของตระกูลครับ
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        8) เกาลัด
      
       
มีความหมายสมกับราคาของมันคือ เปรียบได้ดั่ง “ธนสารสมบัติ” หรือเงินทองนั่นเอง เกาลัดหรือเชสต์นัทนี้มีมงคลตั้งแต่วิธีปรุงคือ การคั่วแล้วครับ
      
       
ความอร่อยของมันได้ชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งเมล็ดกินได้” ทั้งหลาย โดยเกาลัดนี้มีกรดไขมันจำเป็นอย่าง “ไลโนเลอิก” และให้พลังงานค่อนข้างสูง จึงมีส่วนบำรุงกำลังกายกับกล้ามเนื้อได้ดี 
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        9) สาหร่าย
      
       
ของอร่อยได้สุขภาพ สาหร่ายมงคลในวันตรุษจีนนี้มีความหมายดียิ่งด้วยชื่อของมันในภาษาจีนว่า “ฟัตชอย” นี้พ้องกับคำอวยพรให้โชคดีและร่ำรวย
      
       
โดยสาหร่ายมีใยอาหารสูง แต่แคลอรีต่ำ ทำให้ผลลัพธ์คือ อิ่มแบบไม่อ้วน ซ้ำยังได้แร่ธาตุแคลเซียม, แมกนีเซียม, เหล็กและวิตามินเค ที่สร้างความแกร่งให้กาย
สุขภาพดี มีเฮง! 10 ยอดสมุนไพรปรุงอาหารตรุษจีน/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
        10) เต้าหู้
      
       
หมายถึงความร่ำรวยทรัพย์ โดยประโยชน์ของเต้าหู้มีมากเกินจาระไน ถ้าเอาให้พิเศษหน่อยก็คือในเต้าหู้บางแบบมีอณูโปรตีนพิเศษคือ “เพ็พไทด์” ที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ ที่ทำให้หัวใจทำงานหนักและความดันสูง
      
       
พูดง่ายๆ คือ มันมีส่วนทำหน้าที่คล้ายยาลดความดันสูงกลุ่มสำคัญ (คือ ACE inhibitorsครับ)
      
       
จะเห็นว่าตรุษจีนกับสิ่งมงคลเป็นเรื่องคู่กัน ความโชคดีมีสุข และมั่งคั่งเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ซึ่งใครที่รู้จุดนี้แล้วดูแลเพื่อนเป็นคนจีนจะช่วยให้รักกันได้ซาบซึ้งมาก และหากเพิ่มเรื่องของการรับประทานให้ดีด้วยสไตล์อายุรวัฒน์ ก็จะช่วยให้ของกินตรุษจีนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพดีได้ ไม่ต้องกังวลกับ “ของแถม” ที่จะตามมา สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านหรรษาและเฮงในทุกประการจากใจ
      
       
ตามประสากากี่นั้งคนกันเองครับ 

Friday 2 January 2015

9 เคล็ดลับของนักออมทั่วโลก


1.เก็บเหรียญทั้งหลายลงกระปุก

เปิดอีกบัญชีสำหรับเงินหยอดกระปุก อย่าดูถูกการสะสมเงินเล็กเงินน้อย จากก้อนเล็กๆ เติบโตกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคต

 

2.จ่ายให้ตัวเองก่อนอันดับแรก 

กันส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่ได้รับ จะมากจะน้อยให้นำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน แล้วอย่าไปยุ่งกับบัญชีนั้นเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องถอนเงินส่วนนี้ ให้ถือว่ากำลังกู้เงิน เวลาคืนต้องคืนทั้งต้นทั้งดอก

 

3.จ่ายเงินค่างวดผ่อนต่างๆ เข้าบัญชีตัวเอง (แม้เมื่อผ่อนค่างวดนั้นหมดแล้ว)

คุณกำลังผ่อนค่างวดรถ (หรือจอแบน) อยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ ขอให้คุณผ่อนต่อไปด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม แต่จ่ายเข้าบัญชีเงินออมของคุณเอง วิธีนี้คุณไม่เดือดร้อนเพราะคุณเคยชินกับภาระผ่อนนั้นๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขว่าคุณไม่มีภาระผ่อนอะไรใหม่ๆ เข้ามาอีก

 

4.จ่ายหนี้ให้หมด

คุณอยากได้ผลตอบแทน 17-21% หรือเปล่า? อย่ามีหนี้บัตรเครดิตสิ เคลียร์หนี้บัตรให้หมด รู้มั้ยว่าถ้ายอดหนี้อยู่ที่ 2.4 หมื่นบาท ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งปีอยู่ที่ 4,000-5,200 บาท รีบเคลียร์หนี้ให้หมด ผลตอบแทนที่คุณจะได้คือไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก้อนนี้ การปลอดหนี้บัตรจึงเป็นวิธีออมเงินก้อนใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีหนี้ (จริงๆ) หาบัตรที่ดอกถูกสุดมาใช้

 

5.ซื้อพันธบัตรรัฐบาล

สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการออกพันธบัตรประเภทต่างๆ ให้ผู้สนใจ ถ้าสนใจเข้าไปดูที่ www.bot.or.th การจำหน่ายพันธบัตรให้กับประชาชน สิ่งที่ต้องดูคือประเภทพันธบัตร อัตราดอกเบี้ย และวันจ่ายดอกเบี้ย

 

6.ส้มหล่น

อย่าเพิ่งกินหมดในคราวเดียว เงิน ก้อนใหญ่ไม่มาบ่อยครั้ง เช่น มรดก รางวัลเกมโชว์ ลอตเตอรี่ เงินปันผลกองทุน ฯลฯ เงินก้อนนี้ควรนำไปใช้ในการออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ อย่าลืมปรึกษามืออาชีพด้านภาษีด้วย

 

7.หยุดนิสัยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย รายจ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ

ตัดทิ้งให้หมด ทำรายการขึ้นมาว่าต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หลายคนแปลกใจว่ายิ่งคิดยิ่งตัดได้เรื่อยๆ..คิดก่อนใช้..ตรึกตรองถึงความจำเป็นมากน้อยจัดลำดับให้ดี..

 

8.ให้นำเงินเดือนส่วนเพิ่มไปฝาก

ถ้ารับเงินเป็นรายสัปดาห์หรือราย 2 สัปดาห์ อาจเป็นได้ว่าบางเดือนคุณจะได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ เช่น ถ้าได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ จะมี 4 เดือนที่ได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ หรือถ้าได้รับเงินเป็นราย 2 สัปดาห์ จะมี 3 เดือนที่คุณได้เงินเดือน 3 ครั้ง ครั้งที่เกินมาให้นำไปเข้าบัญชีเงินออม (ทันที)

 

9.ใช้การเสียภาษีให้เป็นประโยชน์

เรียนรู้เรื่องภาษี ประโยชน์ที่คุณไม่ควรเสียและประโยชน์ที่คุณควรได้ (ลดหย่อน)