Wednesday 24 December 2014

ไม่อยากเปลี่ยนมือถือต้องรู้! ยืดอายุสมาร์ทโฟนคู่ใจ ด้วยเทคนิคใกล้ตัว

คุณใช้มือถือแบบผิดๆ อยู่หรือเปล่า? เราเตรียมคำแนะนำไว้ให้คนใช้สมาร์ทโฟนที่อยากทะนุถนอมเครื่องไว้ใช้ อย่างน้อยก็รอรุ่นที่ถูกใจ หรือยืดเวลาเก็บหอมออมเงินซื้อเครื่องใหม่…

จะว่าไปเทคโนโลยีใหม่ๆ ของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ที่ทยอยออกสู่ตลาดนี่ก็ช่างล่อตาล่อใจ ดึงดูดเงินในกระเป๋าเราซะเหลือเกิน แต่… ถ้ายังไม่ถึงเวลา หรือยังไม่อยากเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ล่ะ? แน่นอนว่าคุณจะต้องดูแลทะนุถนอมมันอย่างดี เพื่อรับมือกับการใช้งานอีกซักระยะ อย่างน้อย...ก็จนกว่าคุณจะอยากเปลี่ยนใจไปใช้รุ่นใหม่

เรื่องของการดูแล รักษา หรือเทคนิคแนะนำสำหรับการใช้งานนั้น ถ้าไม่มีเทคนิคนิดๆ หน่อยๆ เพื่อทะนุถนอมเครื่อง ก็รับรองได้เลยว่าอุปกรณ์นั้นคงจะอยู่กับคุณได้ไม่นานนักหรอก
มือถือติดตัวตลอด... แบตจะไม่หมดได้ยังไงไหว!

จะรอช้าอยู่ทำไม...! ถ้าคุณอยากข้ามเข้าสู่ปีใหม่ไปพร้อมกับมือถือเครื่องเก่า เป็นอันว่าแค่ทำตามคำแนะนำของเรา ช่วงไหนควรใช้ ช่วงไหนควรงด เพื่อยืดอายุการใช้งานมือถือคู่ใจ... ตามไปดูกัน!!!

งานนี้ "ไทยรัฐออนไลน์" ได้คำแนะนำจาก "เบลกิ้น ประเทศไทย" ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์สำรองไฟแบบพกพา ที่จะมาบอกเล่าเทคนิคแบบ Do&Don’t ให้คุณได้ใช้สมาร์ทโฟนแบบยาวๆ ในระหว่างเดินทางหรือท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดนี้...

ห่างกันสักพัก...ช่วงชาร์จแบต
คุณเคยได้ยินหรือเปล่า ที่เขาบอกว่าอย่าใช้มือถือขณะชาร์จแบตเตอรี่น่ะ... เป็นความจริงนะจ๊ะ เพราะว่าการชาร์จแบตไปด้วยใช้มือถือไปด้วยนั้น จะทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานมากกว่าปกติถึง 40 เท่าเชียวนะ หากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็ให้ใช้สายชาร์จแบบ AC Adaptor แทนแล้วกัน
ใช้มือถือหนักๆ ก็ต้องทะนุถนอมกันบ้าง

40% ก็ชาร์จได้แล้ว
ใครบอกว่าต้องรอให้แบตเตอรี่หมดแล้วค่อยชาร์จ โธ่ เหลือสัก 40% ก็ชาร์จได้แล้ว เพราะระดับดังกล่าวจะทำให้ประจุในแบตเตอรี่ทำงานตามปกติและไม่เสื่อมสภาพด้วย แต่ถ้าคุณรอให้แบตหมด 0% แล้วค่อยหยิบไปชาร์จนั่นยิ่งทำให้แบตพังไวมากขึ้นอีก เพราะแบตต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น 3 เท่า จากการเรียกคืนประจุและยังเป็นเหตุให้เครื่องร้อนง่ายอีกด้วย จะให้ดี...ควรถอดเคสก่อนชาร์จแบตด้วยนะ

ใช้ปลั๊กพ่วงปลอดภัยกว่า!
การใช้ปลั๊กแบบราง หรือปลั๊กพ่วง ปลั๊กสามตา เพื่อเสียบชาร์จแบตมือถือนั้นถือเป็นการตัดการใช้ไฟนานกว่าปกติ แถมยังลดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร เพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งคนและมือถือได้อีกระดับหนึ่ง

ไม่ชอบความร้อน...
การทิ้งมือถือไว้บนรถซึ่งจอดไว้กลางแจ้ง นั่นเป็นการกระทำที่ผิดมหันต์!!! เพราะมือถือไม่ชอบความร้อนหรอกนะ มันจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ง่าย จะให้ดีควรเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส และหากใช้งานแล้วเครื่องเกิดร้อนจี๋ขึ้นมา ก็ควรรีบวางพักไว้ที่อุณหภูมิ 23-25 องศาเซลเซียสทันทีด้วย
เลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน

เคลียร์แอพเป็นประจำ
รู้หรือไม่...การปล่อยให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ เปิดค้างรอการใช้งานของคุณนั้นมันส่งผลเสียอย่างไรบ้าง ไหนจะการแจ้งเตือนที่คอยเด้งขึ้นมาอยู่ตลอด หรือแสงสว่างจากหน้าจอที่จะคอยกินไฟเปลืองแบตเตอรี่ ดังนั้น ข้อควรปฏิบัติก็คือปรับแสงหน้าจอให้สว่างพอเหมาะ ไม่จ้าเกินไป ไม่มืดเกินไป แอพพลิเคชั่นไหนไม่ใช้ก็ลบออกจากเครื่องไปโลด หรือแอพไหนเลิกใช้งานแล้วก็เคลียร์ๆ ปิดไปบ้าง

ใส่ใจตอนชาร์จแบต
เคยเสียบปลั๊กชาร์จแบตแล้วเกิดไฟช็อตบ้างมั้ย? อันตรายสุดๆ เลยนะ ทางที่ดีก็ควรเสียบที่ชาร์จเข้ากับปลั๊กเสียก่อน แล้วค่อยต่อกับสายชาร์จมือถืออีกที เพื่อป้องกันไฟช็อตไฟกระชากนะจ๊ะ ถ้ายังชาร์จแบตแบบผิดวิธีก็เปลี่ยนได้เลย จำเอาไว้ให้แม่นว่า... มือถือจะเป็นสิ่งสุดท้ายในการเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่

จัดสรรเวลาการใช้งาน
สำหรับคนที่มีมือถือหลายเครื่อง หรือพวกที่ชอบเก็บมือถือเครื่องเก่าเอาไว้นานๆ จนลืม จงฟังให้ดี! ถ้าคุณเก็บมือถือไว้แบบนั้นโดยไม่ค่อยหยิบออกมาใช้ มันจะยิ่งทำให้อิเล็กตรอนในแบตเตอรี่ไม่ได้เคลื่อนไหว และกลายเป็นการบั่นทอนอายุมือถือของคุณให้มันเสื่อมประสิทธิภาพง่ายขึ้น จะให้ดีก็หมั่นสลับๆ สับเปลี่ยนมาใช้ เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
ใช้และชาร์จแบตให้ถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งาน

ปกป้องเครื่องกันหน่อย
การทำมือถือตกหล่นบ่อยๆ มันไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย ถ้าคุณไม่สามารถระมัดระวังให้มันไม่ตกไม่หล่นได้ ก็ต้องหาอุปกรณ์ปกป้องมือถือไว้สักหน่อย จะเคสกันกระแทกหรือฟิล์มกันจอแตก อะไรก็ได้ที่คิดว่าจะพอป้องกันมือถือได้น่ะ แต่บอกไว้ก่อนว่าการทำตกบ่อยๆ ยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสียหาย ถึงขนาดอาจทำให้สารเคมีในแบตรั่วไหลหรือขั้วแบตหลุดออกมา ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายไฟเลยทีเดียว

บอกลาที่ชาร์จปลอม!
อะไรที่ได้มาตรฐานก็มักจะแพงเสมอ...หลายคนจึงเลือกใช้ของปลอม แต่คุณคิดผิดแล้ว! เพราะอุปกรณ์ปลอมกับการชาร์จมือถือนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงให้ชีวิตคุณโดยไม่รู้ตัว ยังไงก็เว้นเรื่องของไฟฟ้าไว้บ้างเถอะ เลือกใช้แบบมีการรับรองมาตรฐานเอาไว้ดีกว่า เพราะนอกจากจะปลอดภัยต่อการใช้งานแล้ว ก็ยังปลอดภัยกับชีวิตของคุณเองด้วย

รู้วิธียืดอายุการใช้งานแล้ว ก็อย่าลืมทะนุถนอมมือถือในมือซะหน่อย อย่างน้อย จะได้ใช้งานให้คุ้มค่าเงินที่ซื้อมา...!

Monday 22 December 2014

ประโยชน์ของการนอนเร็วก่อน 4 ทุ่ม

" ประโยชน์ของการนอนเร็วก่อน 4 ทุ่ม "

โดย นพ.กฤษดา เล่าให้ฟังถึงผลเสียของการนอนดึกว่า ทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมเร็วขึ้นดังนี้
(1)"สมอง"
(2)หัวใจ 
(3)หลอดเลือด
(4)ต่อมไร้ท่อ
(5)ภูมิคุ้มกันร่างกาย

ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ก่อน4 ทุ่มก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 9 ประการ

1. สมองสร้างเคมีฯที่มีประโยชน์กับอวัยวะ
ต่างๆของร่างกาย สมองเป็นส่วนสำคัญในการแจกงานให้อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่เวลานอนก็ยังทำให้ร่างกายได้รับ เคมีนิทรา (เมลาโทนิน), เคมีสุข (ซีโรโทนิน),ฮอร์โมนเพศและเคมีหนุ่มสาว(โกรทฮอร์โมน)แถมยังมีเคมีบำรุงออกมาควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ทำให้ดูอ่อนเยาว์ สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยได้ด้วย

2. สมองมีความจำดีขึ้น
การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า คนที่นอนหลับได้แค่ราว 4 ชั่วโมงต่อคืน ติดต่อกันนาน ๆ มีผลต่อความจำและสมาธิมากขึ้น นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบคล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง

3. คุมความดันโลหิตได้ การนอนหลับเร็ว จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีววิทยาที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋วทำงานซับซ้อนช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน

4. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหร
การนอนไวช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ช่วยให้สมองได้พักผ่อน กล้ามเนื้อคลาย ตัว หัวใจสงบขึ้น ความดันลดลง

5. ได้ล้างพิษ เวลาที่เรานอนจะเป็นช่วง เวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น

6. ไม่อ้วนง่าย การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนัก ตัวได้ดีกว่า อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาใน ร่างกายให้ทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย

7. มีสุขภาพดีขึ้นถ้าเรานอนให้เร็วขึ้น เรา จะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมอง ได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไร ก็มีความสุขได้ง่ายขึ้น

8. โรคไม่กำเริบ การนอนไวไม่เสี่ยงต่อ
โรค กำเริบโดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ โรคเครียดซึมเศร้า และโรคมะเร็ง

9. ชะลอความแก่ นอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะ แค่นอนก็ช่วยเสริมสร้างความหนุ่มสาว และช่วยให้หลับสนิททั้งหลายไม่ทำร้ายร่างกายก่อนวัยอันควร จึงป้องกันความเสื่อมชรา

Tuesday 9 December 2014

อาหารที่ไม่ควรทานตอนท้องว่าง

ตอนเย็น เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้สึกหิวใช่ไหมค่ะ แต่อย่าเพิ่งเดินไปหยิบอาหารหรือเครื่องดื่มมากินนะคะ เพราะอาหารหรือเครื่องดื่มบ้างอย่างไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง เพราะสารอาหารต่างๆ ที่อยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่ม 5 ประเภทนี้ จะไปสร้างปฏิกิริยากับน้ำย่อยในกระเพาะจนเกิดอาการผิดปกติในร่างกายได้ค่ะ...
1. กล้วย...เป็นผลไม้ที่มีธาตุแมกนีเซียมมาก ถ้ารับประทานในขณะที่ท้องว่างจะทำให้ธาตุแมกนีเซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้น และจะสูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจะเป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาก รวมทั้งยังทำให้ท้องอืดอีกด้วย
2. นมและนมถั่วเหลือง…นมและนมถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีน แต่ถ้าดื่มในขณะที่ท้องว่างจะทำให้เกิดอาการจุกเสียดและปวดท้อง เพราะกระเพาะอาหารต้องทำงานหนักเพื่อย่อยสารอาหารในนม ซึ่งบางคนจะท้องเสียด้วย โดยนมจะมีประโยชน์มากที่สุดเมื่อกระเพาะมีอาหารประเภทแป้งอยู่ด้วย
3. น้ำตาลหรืออาหารหวาน…การรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ช็อกโกแลต หรือลูกอม ในขณะที่ท้องว่างจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนทุกชนิด รวมถึงโปรตีนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายด้วย จึงทำให้สมรรถภาพการทำงานของไตและการหมุนเวียนของโลหิตลดลงและยังลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต
4. ลูกพลับ…เป็นผลไม้ที่มียางและสารแขวนลอย ถ้ารับประทานในขณะที่ท้องว่างจะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก และเมื่อรวมกับสารในลูกพลับจะทำให้รู้สึกเจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
5. น้ำชา...น้ำชาที่เข้มข้นจะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่ว่างอยู่เจือจางลง ทำให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง จนเกิดอาการใจสั่น วิงเวียนศีรษะ มือเท้าอ่อนแรง ถ้าดื่มชาที่เข้มข้นควรหาของว่างหรือขนมรับประทานคู่ด้วย

Monday 8 December 2014

น้ำยาปราบเห็บหมัดสุนัขแบบไม่มีสารพิษ

น้ำยาปราบเห็บหมัดสุนัขแบบไม่มีสารพิษ
ส่วนประกอบ

- เมล็ดน้อยหน่าที่กินเหลือ

- น้ำเปล่า หรือแอลกอฮอล์

วิธีทำน้ำยาปราบเห็บหมัดสุนัขแบบไม่มีสารพิษ


นำเมล็ดน้อยหน่ามาตำให้แตกละเอียด


แล้วนำมาผสมในแอลกอฮอล์หรือน้ำเปล่า ทิ้งไว้สักครู่ ให้ส่วนประกอบเข้ากันดี


จะได้น้ำยาปราบเห็บหมัดแบบไม่มีสารพิษให้ต้องกังวลเวลาใช้



วิธีใช้น้ำยาปราบเห็บหมัดสุนัข


นำน้ำยาปราบเห็บหมัดสุนัขที่ทำไว้ มาชโลมบนตัวสุนัขหลังอาบน้ำเสร็จ แล้วเช็ดตัวให้แห้ง ไดร์ขนตามปกติ จะปรากฏว่าเห็บหมัดทั้งหลายหายไปหมด ไม่มีเหลือ



วิธีทำเป็นสเปรย์ปราบเห็บหมัดสุนัข


เราสามารถนำน้ำยาที่ทำไว้แล้ว มาบรรจุเป็นสเปรย์ เพื่อความสะดวกเวลาใช้งาน สำหรับฉีดกำจัดตามจุดบนร่างกายสุนัข หรือตามกำแพงบ้าน ฝาบ้านที่พบ


ให้รินเอาน้ำยาที่ทำไว้ เอาเฉพาะส่วนที่เป็นน้ำ ใส่ในกระบอกสเปรย์ฉีดรีดผ้า ลองนำไปฉีดใส่เห็บหมัด จะปรากฏว่าเห็บหมัดตายกันเห็น ๆ สุนัขก็ปรกติดีไม่มีอาการเมายาใด ๆ ทั้งสิ้น



ที่มา: http://www.lokehoon.com/topic.php?q_id=221